NBL SC TRAINER V3 – MEN

“Super Trainer สายนุ่ม ที่ใส่เทคโนโลยีมาแบบไม่กั๊ก”

New Balance เป็นแบรนด์ที่ไม่ค่อยกั๊กเทคโนโลยีมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว โดยเฉพาะรองเท้าสาย Performance ซึ่ง SC Trianer V3 ก็เป็นหนึ่งในนั้นดังนั้นเทคโนโลยีที่มีเรียกว่าใส่มาแบบจัดเต็ม และสำหรับ SC Trainer V3 เรียกได้ว่าเหมือนการยกเครื่อง เพราะแทบจะไม่มีโครงเดิมของ SC Trainer V2 เลย

โดยหลังจากที่มีการเปิดตัว New Balance SC Elite V4 (รองเท้า Super Shoes ที่เร็ว และแรงที่สุดของแบรนด์) เมื่อช่วงต้นปีผ่านมา และกระแสตอบรับดีมากหากเทียบกับรุ่นเดิมอย่าง SC Elite V3 จึงจะเห็นได้ชัดเลยว่ารองเท้า SC Trainer V3 คือการยกทั้งรูปแบบ รูปร่าง รูปทรง และเทคโนโลยีของ SC ELITE V4 มาเลย

แต่ความเหมือนก็มีความแตกต่าง คือจุดประสงค์การใช้งานของรองเท้า SC Trainer V3 ออกแบบมาเพื่อเป็นรองเท้าซ้อมเป็นหลักดังนั้นจะเน้นความสบาย ความนุ่ม และมีความทนทานมากกว่า SC Elite V4 ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นรองเท้าแข่ง ซึ่งในจุดนี้เองทำให้รายละเอียดของรองเท้ามีความแตกต่างกัน

Weight: 270 กรัม (US M9)

Stack: 40-34 mm.

Drop: 6 mm.

Upper

-Fantom Fit เป็นเทคโนโลยีผ้า Mesh 2 ชั้นให้ความกระชับซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ใน SC Elite V4 เพียงแต่ SC Triner V3 เนื้อผ้าจะนุ่มกว่า และหนากว่าให้ความสบายมากกว่า แต่การระบายอากาศน้อยกว่า

-ด้วยความที่เน้นความสบายทำให้มี Sockliner ที่หนาหนุ่ม

Midsole

-FuelCell ผสม PEBA ถึงแม้ว่าจะใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับ SC Elite V4 แต่สูตรโฟมที่ใช้เป็นคนละสูตรกัน โดย SC Trainer ให้สัมผัสที่นุ่มกว่าแบบชัดเจน

-แผ่นคาร์บอนแบบเต็มแผ่น ที่ใช้พร้อมกับทรงรองเท้า Energy ARC ที่จะช่วยเรื่องการสะท้อนแรงเพื่อการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

Outsole

-พื้นยางที่เน้นความทนทาน และมีการยึดเกาะดี

1. หน้าผ้า Trainer เน้นนุ่มสบาย ทนทาน ส่วนหน้าผ้า Elite เน้นเบา กระชับ ระบายอากาศ

2. โฟม Trainer นุ่มกว่า สบายเท้ากว่า ส่วน Elite เน้นการตอบสนองแรงดีกว่า

3. พื้นของรองเท้า Trainer มีความทนทานมากกว่า

4. น้ำหนักของรองเท้า Elite เบากว่า Triner 35 กรัม

5. Drop ของ Trainer 6 mm. ส่วน Elite 4 mm. โดยความหนาส่วนส้นเท้ากันคือ 40 mm.

Conclusion

New Balance SC Trainer V3 เหมาะกับคนหารองเท้า Super Trainer แนวนุ่มเด้ง ซัพพอร์ตสูงเวลาวิ่งไม่สะท้านเท้า มีความมั่นคง รองรับการวิ่งระยะไกล และถึงแม้ว่ารองเท้าจะออกแบบมาเพื่อการซ้อมเป็นหลัก หากแต่ถ้าวิ่งลงงานแข่ง แต่เน้นความสบาย และการรับแรงกระแทกเป็นหลังก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ