Asics Magic Speed 3 “ดีสุดตั้งแต่มี Magic Speed รองเท้าคาร์บอน เข้าถึงง่าย กล้าให้คาดหวัง และจะไม่ผิดหวัง” 2021 Magic Speed 1 เรียกแสง Magic speed เป็น series ที่ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2021 ออกแบบมาเพื่อใส่ทำความเร็ว ทั้งวันซ้อม และวันแข่ง ด้วย Concept ที่เรียกแสงมากคือ “เป็นรองเท้าที่มีแผ่นคาร์บอนราคาถูกที่สุด แต่รวม 3 เทคโนโลยียุคใหม่ของ Asics นั้นคือ
- โฟมใหม่ ใช้โฟม FF blast series
- ทรงใหม่ guidesole จากเดิมที่ออกแนว racing flat พื้นเรียบๆ
- มีแผ่น carbon ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ครึ่งเดียวในส่วนหน้าเท้า
ด้วยการขาย Concept นี้ ทำให้ผมตอบรับดีมาก อย่างไรก็ตาม นักวิ่งพูดส่วนใหญ่ มีความเห็นว่าถึงแม้จะใช้ เทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ความรู้สึกของรองเท้า กลับเหมือนรองเท้า racing flat คือออกแนว เฟิร์ม ดีด ซึ่งถึงแม้ว่ากระแสจะดีมากในช่วงแรก แต่ก็เริ่มแผ่ว เพราะไม่ได้เป็น feeling ของรองเท้าที่กำลังนิยมต้อง นุ่ม เด้ง
2022 ยกเครื่อง ให้ทันยุค
Magic speed 2 ปรับเปลี่ยนเยอะมาก จนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย ซึ่งผลตอบรับเรียกว่า ถึงแม้ว่าเปิดตัว ไม่เปรี้ยงปร้าง แต่ต้องยอมรับว่า กระแสไม่แผ่ว และแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะรองเท้ามี คาแรคเตอร์ชัดซึ่ง จะให้ feeling แน่น กลิ้ง ไหล
2023 จูนลงตัว จนกล้ารัวกลับทุกแบรนด์
5 เหตุผลที่กล้ารัว
- Stack height 36-29 ซึ่งความสูงหากเทียบกับรองเท้า fast daily trainer หรือรองเท้าทำความเร็วที่ใส่ซ้อม ใส่แข่ง ถือว่ามาตรฐาน ไม่หนา หรือบางจนเกินไป
- Drop ซึ่งการวิ่งจะมีลงหน้าเท้า กลางเท้า ส้นเท้า ลงตรงไหนก็ไม่ผิด ซึ่งโดยปกติเดี๋ยวนี้หลายๆแบรนด์ทำรองเท้า drop ให้ใกล้เคียง 8 มากที่สุด เหตุผลก็เพราะ เกือบทุกแบรนด์เชื่อว่า drop เท่านี้ปรับตัวง่ายถึงแม้ว่าจะลงเท้าตรงไหนก็ตาม ซึ่ง magic speed 3 drop 7 ถือว่าทำได้เข้ากับยุคสมัยมาก
- Upper motion wrap แบบเดียว และทรงเดียวกับรองเท้ารุ่น sky+ และ edge+ ที่ราคา 8500 บาท ซึ่งเทคโนโลยีนี้ไม่ได้ดีเพราะแพง แต่มีจุดเด่นเรื่องการระบายอากาศ ที่ลมพัดแรงเท้ายังรู้สึก รวมถึงความกระชับติดเท้าโดยเฉพาะในส่วนส้น (heel counter) ที่ต่อยอดมาจาก Sky+ และ magic speed2
- โฟม FF blast+ ที่เน้นความนุ่ม และเมื่อผสมผสานกับแผ่นคาร์บอน ถือว่าลงตัว โดยให้ความรู้สึกเหมือน Super shoes ในยุคบุกเบิก ให้ความรู้สึกวิ่งสนุก เข้าเท้าง่าย
- พื้นหายห่วงเรื่องความทน และเรื่องการยึดเกาะ
สรุป
Asics Magic Speed 3 หลังจากพัฒนามาแค่ 3 ปี ถึงแม้ว่าไม่ยาวนานเท่ารุ่นอื่นของ Asicss แต่มีการปรับเปลี่ยนให้ทันยุค ทันสมัยตลอด จึงเป็นอีกในรุ่นที่น่าสนใจ เหมาะกับคนที่หารองเท้าวิ่งทำความเร็ว ใส่ได้ทั้งวันซ้อม และวันแข่ง ใส่ได้ทุกระยะตั้งแต่ 5 km. – 42 km.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหารองเท้าที่มีแผ่นคาร์บอน ราคาจับต้องได้ รับรองว่ารุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตั้งคาดหวังได้เลย สุดท้ายด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น Run2Paradise ขอยกรองเท้ารุ่นนี้ให้เป็นรองเท้า Highly Recommend สำหรับคนหารองเท้าสายซิ่งใส่ซ้อมไปเลย
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์